ขอเอาการเติบโตรายได้ของบางบริษัทในตลาดหุ้นในช่วงสิบปีล่าสุดมาให้ดูกัน นะครับ ภาพสิบปีไม่ใช่ภาพที่เราคิดถึงอยู่ทุกวัน เวลาที่เรามองหุ้นครับ
ผมจงใจเลือกหุ้นบิ๊กแค๊ปมาให้ดู หุ้นบิ๊กแค๊ปเป็นหุ้นที่นักลงทุนโดยทั่วไปมองว่าน่าเบื่อ โตยาก ราคาหุ้นมักขึ้นๆ ลงๆ ตาม SET Index ทำให้ไม่มีอะไรแตกต่างจากการซื้อดัชนีมากนัก
แต่ถ้าเอาภาพสิบปีมาดูจะเห็นว่า บนความเหมือนๆ กันในระยะสั้นนั้น หุ้นบิ๊กแค๊ปแต่ละตัวมีภาพการเติบโตในระยะสิบปีที่แตกต่างกันได้เป็นอย่าง มาก
หุ้นบิ๊กแคปที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวตามเซ็ตเหมือนๆ กันนั้น บางตัวเมื่อสิบปีที่แล้วมันแกว่งอยู่แถวๆ 2-4 บาท สิบปีต่อมามันก็ยังแกว่งอยู่แถวๆ 2-4 บาทเหมือนเดิม (แบบนี้ถือทิ้งไว้คงไม่ได้อะไร) แต่บางตัวสิบปีก่อนมันอาจแกว่งอยู่แถว 2-4 บาท แต่พอสิบปีผ่านไป มันก็ยังคงแกว่งตามเซ็ตอยู่เหมือนเดิม แต่ช่วงที่มันแกว่งอาจกลายเป็นแถว 20-40 บาทไปแล้ว นั่นก็เพราะขนาดธุรกิจของมันเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างมากนั่น เอง
คนที่ลงทุนแบบระยะยาวจึงต้องมองข้ามภาพการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะ สั้นให้ได้ เพราะในระยะสั้นอิทธิพลของตลาดมีผลต่อราคาหุ้นมากกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้น แต่ละตัวมาก เราต้องแยกให้ออกว่า หุ้นที่ดูจะผันผวนตามเซ็ตเหมือนๆ กันนั้น ตัวไหนบ้างที่จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เพราะขนาดของธุรกิจที่มีการเติบโตได้แบบมีนัยสำคัญ
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ การเติบโตของธุรกิจมักไม่ได้เป็นเส้นตรงที่มีความชันคงที่ไปตลอด แต่มักเติบโตสูงเป็นพักๆ สลับกับช่วงหยุดนิ่ง เพราะธุรกิจอาจเจอกำแพงของการเติบโตในบางช่วง ทำให้ดูเหมือนหยุดโตแล้ว แต่เมื่อบริษัทสามารถทำลายกำแพงระยะสั้นเหล่านั้นลงได้สำเร็จ มันก็จะกลับมาเติบโตอีกจนกระทั้งชนเข้ากับกำแพงตัวใหม่ เป็นอย่างนี้เรื่อยไป ตราบเท่าที่ศักยภาพในการเติบโตที่แท้จริงของมันยังไม่หมด ฉะนั้นการที่บางบริษัทอาจมีรายได้ที่หยุดโตในบางช่วง จึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันเติบโตไม่ได้แล้วเสมอไป ที่จริงแล้วถ้าคุณเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีฐานธุรกิจที่มั่นคงแล้วสักหน่อย การที่ราคาหุ้นร่วงลงเพราะกำไรลดลงในระยะสั้นนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว โดยมากมักเป็นโอกาสด้วยซ้ำ รอสักนิดหน่อย บริษัทที่มีฐานธุรกิจที่มั่นคงระดับหนึ่งโดยมากมักจะกลับมาที่เดิม หรือกลับมาโตต่อได้
สำหรับพอร์ตที่ลงทุนแบบสะสมไปเรื่อยๆ ในระยะยาวอย่างเช่น พอร์ต 7LTG นั้น ถ้าหุ้นที่ซื้อสะสมจะมีกำไรลดลงหรือเติบโตหยุดนิ่งบ้างในบางช่วงบางเวลาย่อม ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว หรือจำเป็นจะต้องปรับหุ้นเหล่านั้นออกแต่อย่างใด เพราะตราบใดที่หุ้นเหล่านั้นยังสามารถกลับมาสร้างจุดสูงสุดเดิมได้อีกอยู่ เรื่อยๆ การสะสมหุ้นเหล่านั้นย่อมไม่ทำให้ขาดทุน การถอยกลับชั่วคราวกลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่จะได้สะสมของถูก หุ้นที่ต้องระวังจริงๆ จึงไม่ใช่หุ้นที่มีผลประกอบที่ผันผวน แต่เป็นหุ้นที่ธุรกิจของมันหมดอนาคตไปแล้วโดยถาวร เป็นการยากที่จะกลับมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีก ถ้าคิดว่าหุ้นตัวไหนเป็นเช่นนั้น ถึงจำเป็นต้องปรับออกครับ
ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวไม่ใช่ความผันผวนของราคาหุ้น หรือแม้แต่ความผันผวนของผลประกอบการ เพราะนั่นเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ แต่ความเสี่ยงของการลงทุนแบบระยะยาวคือการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ไม่มี ศักยภาพแล้วครับ